ยายวัย 81 บริจาคที่ดิน14ล้าน สร้างสถานปฏิบัติธรรม แต่กลับถูกไล่ที่

            เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 มี รายงานว่า มียายวัย 81 ปี ได้บริจาคที่ดินของตนเองมูลค่า 14 ล้านบาท เพื่อสร้างสำนักปฏิบัติธรรม และบริจาคเงินสร้างศาสนสถาน กว่า 2 ล้านบาท แต่กลับถูกเจ้าสำนักขับไล่ ให้ออกจากที่ดินที่เคยเป็นของตัวเอง ทางผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบบริเวณเพิงพักใกล้สำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง พบยายแหล่ม ทิชากร อายุ 81 ปี อยู่บ้านเลขที่ 346 หมู่ 5 ต.ท่าชัย อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย

            โดยยายแหล่ม เล่าว่า ตนและญาติพี่น้อง ชอบทำบุญและปฏิบัติธรรม มักจะชวนกันเหมารถไปปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์ตามวัดต่าง ๆ และศรัทธาในแนวทางสันติอโศก ที่ จ.ตาก มีสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งที่ตนและญาติมักจะไปปฏิบัติธรรม บ่อย ๆ จนกระทั่งเมื่อได้ฟังเทศน์จากพระมหาร้อยธรรม รู้สึกซาบซึ้งจับใจ เกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้า เมื่อกลับมาบ้านผู้ที่ไปร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกันจึงเสนอให้สร้างที่พักสงฆ์ในที่ดิน จำนวน 10 ไร่ของตน ซึ่งเคยมีเศรษฐีมาขอซื้อในราคา 14 ล้านบาท แต่ตนไม่ขาย เพราะไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง ไม่มีหนี้สิน ไม่มีสามีและลูก

            ต่อมาน้องสาวตนและญาติไปนิมนต์ พระมหาร้อยธรรม ให้มาเป็นเจ้าสำนักที่นี่ ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ขัดข้องเนื่องจากหลงเชื่อศรัทธา และยังขายที่ดินแปลงอื่น รวบรวมเงินมาได้ 2 ล้านกว่าบาท นำมาสร้างศาสนสถานต่าง ๆ และถวายที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับสันติอโศก โดยตนยังอาศัยอยู่ที่บ้านซึ่งอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าว ต่อมาเริ่มมีผู้มาปฏิบัติธรรมเพิ่มมากขึ้น ทั้งมาจากที่ต่าง ๆ บางคนมีฐานะร่ำรวย ตนจึงเริ่มโดนกดดัน และห้ามไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ จะช่วยปรุงอาหารก็หาว่าตนสกปรก จะใส่บาตรก็ปิดฝาบาตรไม่รับอาหารจากตน และทำโทษโดยหาว่าตนดื้อด้าน ไม่เชื่อฟังพระ[ads]

            ตนเพียงแค่ตนถามและอธิบายข้อข้องใจในบางเรื่องกลับถูกดุ และต้องถูกลงพรหมฑัณท์ โดยการปฏิบัติลดละอัตตา 4 เดือน และต้องดื่มกินน้ำมันมะกอกก่อนจึงจะเข้ามาขอขมาได้ แต่ตนไม่ยอมกิน ท้ายที่สุดออกปากไล่ไม่ให้อยู่ภายในบริเวณสำนักฯ ซึ่งเคยเป็นที่ดินของตนที่สร้างถวายให้ ตอนนี้ทราบว่า ที่ดินดังกล่าวตกเป็นทรัพย์สินของมูลนิธิปฐพีพุทธ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ที่ตนต้องการบริจาคถวายให้สันติอโศก จึงต้องการให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงตามความตั้งใจเดิม และขอให้พระมหาร้อยธรรมออกไปอยู่ที่อื่น

           ด้านนายนิมิตร ปิ่นทอง อดีตครูเกษียณ กล่าวว่า ยายแหล่มได้มาปรึกษาเรื่องดังกล่าวนานแล้วซึ่งพยายามหาทางช่วย โดยประสานทั้งศูนย์ดำรงธรรม ทั้งสำนักงานพุทธศาสนา เรื่องก็เงียบ ปรึกษาเลขาเจ้าคณะอำเภอท่านก็บอกว่า คนละนิกายกันไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้ จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยดูแล และตรวจสอบพฤติกรรม เนื่องจากทราบมาว่า ญาติโยมที่ใส่บาตรทำบุญให้ในตอนแรก ๆ พระจะไม่รับเงิน แต่หากศรัทธาเข้ามาเป็นสาวกร่วมหมู่คณะ กลับถูกชักชวนให้ทำบุญกันเป็นจำนวนมาก ๆ

ขอขอบคุณที่มาจาก: ข่าวช่องวัน