ทางเพจ JapanSalaryman ได้ออกมาเผยว่าในรายการหนึ่งในญี่ปุ่น ได้มีคุณหมอ 300 คน ออกมาเลือกวัตุดิบอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างการ พร้อมกับจัด 10 อันดับอาหารที่ดีเยี่ยมที่สุด ได้แก่อันดับ 10 คือ แอปเปิ้ล อันดับ 9 กิมจิ อันดับ 8 อโวคาโด อันดับ 7 มะเขือเทศ อันดับ 6 บร็อคโคลี่ และอันดับอื่นๆที่ยังไม่ได้เปิดเผย ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึง บร็อคโคลี่กันว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง
อันดับที่ 6 คือ “บร็อคโคลี่” ครับ ผักตัวนี้ผมยอมรับเลยว่าเป็นผักที่ผมกินน้อยมากถึงมากที่สุด อาจจะเหตุผลส่วนตัวที่ว่ามันเขียวๆ แข็งๆ ไม่รู้เพื่อนๆ ชอบบร็อคโคลี่กันมั้ยครับ
แต่ในวงการการแพทย์ญี่ปุ่นเค้าบอกว่าเจ้าบร็อคโคลี่นี่แหละ คือราชาแห่งผักใครไม่ชอบกินผัก กินบร็อคโคลี่แค่อย่างเดียวเท่านั้นทดแทนได้หลายอย่างเลยครับ..
และที่สำคัญตอนนี้วงการแพทย์กำลังโฟกัสไปที่ บร็อคโคลี่ ในรูปแบบนึงนั่นคือ บร็อคโคลี่เพาะงอก (Broccoli Sprout)เจ้าตัวนี้ช่วยลดผมหงอก ลดผมร่วงได้เห็นผลจริง
จะเป็นยังไง น่าเชื่อแค่ไหนติดตามอ่านได้ในโพสต์นี้เลยนะครับ
คุณหมอ ผอ.โรงพยาบาล Oshima บอกว่าบร็อคโคลี่นี่เต็มไปด้วยเส้นใยช่วยให้หายจากอาการท้องผูกครับ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเป็นโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้ด้วย
ฉะนั้น บร็อคโคลี่จึงได้รับเลือกว่าเป็นวัตถุดิบอันดับ 6 จากคุณหมอถึง 22 คนจากทั้งหมด 300 คนครับ
เป็นที่รู้กันทางการแพทย์ว่า บร็อคโคลี่นั้นอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใยจนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นราชาแห่งผักเลยนะครับ!
คุณหมอ Otani อธิบายว่า บร็อคโคลี่นั้นมีวิตามินเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน B C E และใยอาหารเต็มไปด้วยสารอาหารครับ
อย่างลูกสาวของหมอเองก็ไม่ชอบกินผัก คุณหมอเลยจับให้กินแค่บร็อคโคลี่อย่างเดียวเท่านั้นก็ถือว่าเพียงพอนะครับ เพราะบร็อคโคลี่ทดแทนผักอื่นๆ ได้เยอะมาก
ทดแทนได้แค่ไหนพอเห็นภาพนี้ก็ตกใจเลยครับ คุณหมอบอกว่าแค่ทานบร็อคโคลี่หัวเดียวในกระจาดด้านซ้าย เราจะได้คุณค่าทางสารอาหารเหมือนกระจาดด้านขวาที่มีผักหลากหลายชนิดครับ
เช่น หัวหอม มะเขือเทศ กะหล่ำ แครอท ฯลฯ ซึ่งจะได้ทั้งแมกนีเซียม วิตามิน C,E,K ,ธาตุเหล็ก,สังกะสี, บีตาแคโรทีน,โพแทสเซียม
อีกทั้งบร็อคโคลี่ยังแคลอรี่ต่ำ ปริมาณน้ำตาลน้อยอีกด้วย ทำให้เป็นผักที่น่าสนใจมากครับ
น่าสนใจแค่ไหนนั้น..ร้านเบนโตะหรือข้าวกล่องบางที่ยังมีเปิดให้บริการเปลี่ยนจากข้าว เป็นบร็อคโคลี่ด้วยครับ!
เปลี่ยนข้าวสวยเป็นบร็อคโคลี่ครับ!!น่าสนใจจริงๆ
แต่ point สำคัญอยู่ที่ตรงนี้ เค้าบอกว่าถ้าทานผิดๆ เราอาจไม่ได้สารอาหารสำคัญนะ
ส่วนวิธีประกอบอาหารวิธีไหนที่ห้ามทำ !! ระหว่าง A: การเอาไปต้ม B: การเอาไปผัด C: การเอาไปเวฟในเตาไมโครเวฟ ให้ทายครับว่าเป็นแบบไหน!?
คำตอบคือ ไม่ควรทำในแบบ A นะครับ (หรือการต้ม) เพราะการต้มจะทำให้วิตามิน C ที่มีมากในบร็อคโคลี่ละลายน้ำ ถ้าต้มแล้วสะเด็ดน้ำวิตามินที่ควรได้ก็จะหายไปครับ
ส่วนวิธีไหนที่แนะนำก็เห็นจะเป็นการนำไปไมโครเวฟครับจะดีที่สุดในวิธีการที่อยู่ในตัวเลือกทั้ง 3ส่วนดีรองมาจะเป็นวิธีการผัดครับ
หรือถ้าใครต้องการจะต้มจริงๆ ทำกับข้าวแบบลวกบร็อคโคลี่แล้ว ไม่เทน้ำออกก็โอเคนะครับ (เช่น ซุป หรือสตู)เพราะสารอาหรสำคัญก็ยังอยู่ในซุป
ประเด็นที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็นเรื่องๆ นี้ครับ บร็อคโคลี่ในรูปแบบที่กำลังได้รับความสนใจในวงการแพทย์คือบร็อคโคลี่ที่อยู่ในสภาพบร็อคโคลี่เพาะงอกครับ (Broccoli Sprout)
นี่ครับบร็อคโคลี่เพาะงอก (Broccoli Sprout)
ปกติกว่าจะเก็บเกี่ยวบร็อคโคลี่จะใช้เวลา 2 เดือนปลูก
แต่บร็อคโคลี่เพาะงอกเก็บเกี่ยวได้ 3-7 วันหลังจากเมล็ดงอกครับ
คุณหมอ Mizujima แห่งคลีนิคเส้นผม AGA เล่าว่าบร็อคโคลี่เพาะงอกนั้นหาซื้อได้แล้ว (ในซุปเปอร์ญี่ปุ่น) แถมยังช่วยป้องกันผมหงอก และผมร่วงได้จริงๆ ด้วยนะ
สาเหตุคือในบร็อคโคลี่เพาะงอกจะมี Sulforaphane อยู่ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยขับพิษได้ ช่วยแก้ปัญหาผมหงอกได้ครับ
แต่ก่อนจะมาดูว่าทำไมคนเราถึงมีผมหงอกต้องมาอธิบายสาเหตุก่อนนะครับ
คุณหมอ Mizujima อธิบายว่า แต่เดิมผมเราทุกคนก็เป็นสีขาวนะ เพียงแต่ว่าเมื่อผมงอกขึ่นมานั้น เมลานินที่อยู่ที่รากผมจะทำงานและย้อมสีผมให้เป็นสีดำ (เหมือนที่เราเห็นกันเป็นปกติครับ)
แต่เมื่อหนังศีรษะมีการไหลเวียนเลือดแย่เมื่อไหร่ อาจทำให้สารเมลานิน (ที่จะย้อมสีผมเป็นสีดำ) ส่งไปไม่ถึง สุดท้ายก็ทำให้ผมที่งอกขึ้นมาใหม่กลายเป็นผมหงอกนั่นเอง
ซึ่งปรากฎการณ์ผมหงอกนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อายุมากขึ้น เครียด หรือกรรมพันธุ์ที่ทำให้เลือดผิวศีรษะหมุนเวียนแย่ลง
ซึ่งปัญหาผมขาวก็ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นปัญหากังวลใจของคนญี่ปุ่นที่มีอายุในช่วง 40-69 ปีครับ ในภาพนี้มีการสำรวจคน 300 คนพบว่า มากถึง 151 คนที่กังวลในเรื่องของผมหงอกครับ และอันดับ 3 มากถึง 91 คนที่กังวลเรื่องผมร่วงและผมบาง (ผมว่าไม่น่าจะต่างไปจากเมืองไทยเรานะครับ)
ผู้ใหญ่กังวลกันเยอะ จนเกิดธุรกิจร้านรับย้อมผมหงอกโดยเฉพาะครับ ไปครั้งนึงมีค่าบริการ 2,500 เยน (ประมาณ 750 บาท) ถูกกว่าการไปร้านเสริมสวยทั่วไปในญี่ปุ่นประมาณครึ่งราคาครับ
มีร้านย้อมผมขาวเต็มเลยครับ
Sulforaphaneที่อยู่ในบร็อคโคลี่เพาะงอกจะทำหน้าที่ควบคุมอนุมูลอิสระ สาเหตุใหญ่ที่ทำให้การไหลเวียนเลือดไม่ดี
แต่ถ้าบอกแค่นี้คงจะทำให้เชื่อยาก รายการเลยเชิญกลุ่มตัวอย่างสาวรุ่นที่มีปัญหาเรื่องผมหงอก
ให้ทดลองกินบร็อคโคลี่เพาะงอกเป็นเวลา 2 สัปดาห์ติดดูครับ ดูซิว่าจะแก้ผมหงอกได้รึเปล่า!?
คุณพี่ท่านนี้อายุ 62 ปี
แหวกออกมาทีผมหงอกอยู่เยอะพอสมควร
เอา microscope หรือกล้องขยายพกพามาส่องดูหนังศีรษะของคุณพี่ท่านนี้คือภาพด้านขวาครับ แทบจะมองไม่เห็นเส้นเลือดฝอยที่คอยเลี้ยงเส้นผมเลยครับ
(ถ้าหนังศีรษะสุขภาพดี ส่องเข้าไปจะเห็นเลือดวิ่งไปวิ่งมาอยู่ตลอดเลยครับเหมือนตัวอย่างทางด้านซ้าย)
หลานของคุณพี่เมื่อสักครู่วัย 10 ขวบ (น้องเมอิมิ)ก็บอกว่า เวลามีผมหงอกมากๆ ก็จะดูแก่กว่าวัยค่ะ เลยอยากให้หายผมหงอก
ปฏิบัติการกิน บร็อคโคลี่เพาะงอกจึงเริ่มต้นขึ้นครับ !ดูซิว่า การกินบร็อคโคลี่เพาะงอกติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์นั้นจะช่วยให้การไหลเวียนเลือดบนหนังศีรษะดีขึ้นมั้ย
คุณพี่ผู้หญิงทั้ง 3 ก็คิดค้นเมนูที่แตกต่างกันแต่แน่นอนว่าทุกเมนูจะมีบร็อคโคลี่เพาะงอกเป็นส่วนผสมสำคัญ เช่น แฮมสดพันบร็อคโคลี่เพาะงอก
เอามาปั่นร่วมกับพายและกีวี่ทำเป็นสมูทตี้
เอามากินร่วมกับนัตโตะหรือถั่วเน่า เมนูนี้เห็นบอกว่าอร่อยมากๆ เลยครับ (ถูกปากสาวกนัตโตะ)
เรามาดูกันครับผลลัพธ์เป็นอย่างไร การไหลเวียนโลหิตที่หนังศีรษะดีขึ้นมั้ย!?
นี่คือหนังศีรษะของพี่คนแรก รูปซ้าย คือ Before, รูปขวาคือ After ครับ
สังเกตเห็นได้ชัดว่า หลังจากทานบร็อคโคลี่เพาะงอก 2 สัปดาห์จากที่แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย ตอนนี้เราเห็นเส้นเลือดฝอยชัดมาก เลือดไหลเวียนดี
คุณ Asano วัย 60 ก็มีความเปลี่ยนแปลง รูปขวาเห็นเส้นเลือดฝอยมากขึ้นแล้ว เป็นสีแดงๆ ขดๆ และเห็นเลือดวิ่งไปวิ่งมาครับ
คุณ Yamaguchi วัย 56 ก็เห็นเส้นเลือดฝอยเหมือนกัน
เห็นได้ว่าทั้ง 3 ท่านมีการพัฒนาของการไหลเวียนโลหิตที่หนังศีรษะอย่างชัดเจนครับ
สรุปได้ว่า ถ้าใครไม่ชอบทานผักหลายชนิด บร็อคโคลี่นั้นก็พอจะทดแทนได้นะครับ เพราะเต็มไปด้วยแร่ธาตุและวิตามิน และความรู้ใหม่ทางการแพทย์ไปโฟกัสที่บร็อคโคลี่เพาะงอก ที่มีฤทธิ์ช่วยให้การไหลเวียนเลือดที่ผิวศีรษะดีขึ้น ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง และกระตุ้นการสร้างเมลานินได้ช่วยให้หายผมหงอกครับ
ขอขอบคุณที่มาจาก : JapanSalaryman