เบื้องหลัง ไอเดียเจ๋ง ให้นักเรียน โหวตเลือกเมนูอาหารกันเองได้

            เฟซบุ๊ก Watcharapong Wongsim ได้โพสต์ภาพกิจกรรมโปรเจ็กต์ Launch & Learn Project ซึ่งให้เด็กนักเรียนสามารถเลือกอาหารกลางวันเองได้ โดยได้มีการจัดบอร์ดเมนูอาหาร ให้เด็กๆ มาติดสติกเกอร์ในอาหารที่ชอบที่สุด ซึ่งใครเห็นก็ชื่นชอบในโครงการ

            โดยผู้โพสต์เรื่องราวนี้ ระบุว่า ความกล้าหาญหนึ่งคือความกล้าที่จะแตกต่าง ความแตกต่างที่งดงามคือความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์ ผลโหวตอย่างเป็นทางการเมนูแรกต้นแบบของโครงการจากเด็ก ๆ ทุกคนกว่า 488 คน จากทั้งหมด 553 คน คิดเป็น 88.24 เปอร์เซ็นต์

           ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก Isan Creative Festival เล่าถึงเบื้องหลังภาพประทับใจนี้ว่า เกิดจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ขอนแก่น ได้ชักชวนน้อง ๆ โหวตเมนูอาหารกลางวันในดวงใจ จากเชฟผู้มากประสบการณ์ ในโครงการ "Lunch & Learn" อย่าง เชฟป้อม ม.ล. ขวัญทิพย์ เทวกุล, เชฟจากัวร์ ธีรวีร์ ดิษยะไชยพงษ์, ครูสัญญา มัครินทร์, เชฟสุวิทย์ ศิระสวัสดิ์ และ คุณปิยะ ปุริโส (นักโภชนาการชำนาญการ) ร่วมสร้างสรรค์ เมนู โดยวัตถุดิบท้องถิ่นที่คงคุณค่าโภชนาการ ภายใต้งบ 21 บาท

           โครงการนี้เริ่มต้นจากโจทย์ที่เห็นปัญหาของอาหารกลางวันในโรงเรียน จึงมีการทำต้นแบบอาหารกลางวันที่มีคุณภาพด้วยงบประมาณจำกัด และคุณค่าอาหารครบถ้วน โดยมีเป้าหมายคือ คิดค้นเมนู โดยกระบวนการถ่ายทอด คิดค้น รับฟังข้อจำกัด จาก แม่ครัว ครู ในโรงเรียนต้นแบบ 5 โรงเรียน ซึ่งมีเด็กนักเรียนประมาณ 2,000 คน ด้วยการเวิร์กช็อป จ่ายตลาด ซื้อวัตถุดิบ และทดลองทำเมนูร่วมกัน

           ทางโรงเรียนต้นแบบ คือ เทศบาลบ้านโนนชัย จะทดลองทำจริงในอาหารกลางวันของน้อง ๆ ในวันที่ 16 มิถุนายน นี้ และจะมีการถ่ายทอดความรู้ สูตรเมนูต่าง ๆ พร้อมคลิป นิทรรศการเคลื่อนที่ เชิญชวนโรงเรียนที่ให้ความสนใจมาร่วมกันสร้างสรรค์อาหารกลางวันให้ลูกหลานอย่างมีคุณค่าต่อไป ซึ่งสามารถติดตามโครงการเทศกาลอีสานสร้างสรรค์ ได้ระหว่างวันที่ 9 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2564 จ.ขอนแก่น[ads]

          ทั้งนี้หลังภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีผู้เข้ามาชื่นชมแนวคิดนี้เป็นจำนวนมาก มองว่าเป็นการสร้างสรรค์ และสอนให้เด็กเรียนรู้เรื่องของประชาธิปไตยไปในตัวด้วย นอกจากนี้การที่ได้กินอาหารที่ชอบ จะช่วยให้เด็กมีความสุขในการไปโรงเรียนมากขึ้น และมีบางส่วนบอกว่าไม่อยากให้เน้นของทอดสักเท่าไหร่

ขอขอบคุณที่มาจาก: Watcharapong Wongsim