เป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยทุกคนให้เข้มแข็งเหมือนกับหนุ่มท่านนี้ ที่ป่วยเป็นโรคพุ้มพวง มานาน10 ปี ซึ่งเขาได้มาอัพเดทอาหารของเราโดยเล่าเรื่องราวว่า ตอนนี้เขามีสุขภาพที่ดีขึ้นเพราะได้รับคำแนะนำจากชาวเน็ตในกลุ่มวิ่งจนตอนนี้จากร่างกายที่ดูโทรม ปัจจุบันดีขึ้นมาก
คุณ Kreangsak Damrak เล่าว่า สวัสดีครับสมาชิก วิ่งไหนดี พูดคุยภาษาวิ่งทุกท่าน ยังจำผมกันได้มั้ยครับ ผมชื่อ นิว อายุ 39 ปี ป่วยเป็นโรค SLE หรือโรคพุ่มพวง เมื่อ 10 ปีที่แล้วยังไงละครับ คราวนั้นอย่าว่าแต่วิ่งเลยครับ เดินแค่สองสามก้าวก็เหนื่อยสุดๆแล้วครับ ใครที่เป็นโรคนี้คงทราบกันดี ผมมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลง ผมร่วง ปวดตามข้อต่อต่าง บางครั้งถึงกับนิ้วล็อคก็มีครับ มีภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะ ตับอักเสบเนื่องจากไขมันพอกตับ ผมต้องทานยากดภูมิ เพราะภูมิคุ้มกันตัวผมจะทำลายตัวผมเองจึงทำให้ผมมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำมาก และเกือบเสียชีวิตไปแล้วถึง 2 ครั้ง จากการติดเชื้อไทฟอยเพียงกินขาปูดองไปเพียงแค่ขาเดียวเท่านั้น จึงต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร่งด่วน
ผมมีผื่นปีกผีเสื้อขึ้นบริเวณใบหน้า ส่วนบริเวณผิวหนังที่โดนแดดก็จะเป็นผื่นแดง เหมือนโดนสัตว์มีพิษต่อย มันแสบและคันมาก โรคนี้จะไม่ถูกกับแสงแดดครับ เพราะแสงแดดจะเป็นตัวกระตุ้นให้โรคนี้กำเริบ จึงทำให้ผมกลายเป็นคนซึมเศร้า เบื่อและเกลียดตัวเอง ไม่กล้าออกไปไหน เพราะเมื่อเราออกไปข้างนอกคนจะมองเราแปลกๆ และซุบซิบกัน ก็คงมาจากผื่นที่หน้าเรานี่แหละ ผมจึงชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงกับใคร ยอมรับเลยครับว่าเป็นช่วงชิวิตที่เลวร้ายที่สุดของผมเลยก็ว่าได้
จนเมื่อกลางปี 2560 ผมได้เห็นโครงการก้าวคนละก้าวจากในทีวี วันนั้นคุณตูนได้พูดไว้ว่าที่ทำโครงนี้ขึ้นมาก็เพราะอยากเห็นทุกคนหันกลับมาดูแลสุขภาพของตัวเอง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน วันนั้นจึงเป็นวันที่จุดประกายความคิดผมที่ว่า เราจะต้องลุกขึ้มาดูแลสุขภาพของตัวเราเองได้แล้วผมจึงเริ่มวิ่งทันทีครับ วันแรกผมวิ่งไปได้แค่ 800 เมตรเองครับ ยอมรับเลยครับว่าเหนื่อยสุดๆ หายใจไม่ทัน
หลังจากวันนั้นผมนอนซมไปสามถึงสี่วันเลยครับ เนื่องจากเจ็บปวดตามทุกส่วนของร่างกายมากๆเลยครับ แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ เริ่มหาข้อมูลการวิ่งในหนังสือบ้าง อินเทอร์เน็ตบ้าง และก็ได้คำแนะนำดีดี จากเพื่อนสมาชิกในห้อง วิ่งไหนดี พูดคุยภาษาวิ่งนี้แหละครับ ทำให้ผมค่อยๆ ขยับจาก 800 เมตร มาเป็น 1 กิโล จาก1 กิโล มาเป็น 5 กิโล จาก 5 กิโล มาเป็น 10 กิโล จาก 10 กิโลมาเป็น 21 กิโล

และปัจจุบันนี้ผมพิชิตมา 3 มาราธอนแล้วครับ มาราธอนแรกที่จอมบึง มาราธอนที่ 2 คือ ATM มาราธอน มาราธอนที่ 3 คือ หัวหินมาราธอน และมาราธอนที่ 4 ก็คือ นาวิกโยธิน มาราธอน 2019ในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2562 ที่กำลังจะถึงนี้ครับ ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ปัจจุบันนี้ผมตื่นตี 4 เพื่อออกมาวิ่ง 10 กิโลก่อนไปทำงานเกือบทุกวัน เพราะผมเชื่อว่าวินัยในการซ้อม จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้ ในอดีตผมทานยาวันละ 10 กว่าเม็ด ปัจจุบัน ทานวันละ 2 ถึง 3 เม็ดเองครับ ค่าผลเลือดและค่าต่างๆ ดีขึ้นมากครับ
เหรียญทั้งหมด

หนุ่มคนนี้ยังบอกอีกว่า ทุกท่านที่กำลังท้อแท้และหมดกำลังใจว่า จงสร้างพลังและจงมีกำลังใจลุกขึ้นมาดูแลตัวเองกันเถอะครับ จะวิธีไหนก็ได้ ไม่ใช่เพื่อใครหรอกครับ ก็เพื่อตัวท่านเองนั่นแหละ ขนาดผมยังทำได้เลย และผมก็เชื่อว่าทุกท่านต้องทำได้ดีกว่าผมแน่นอน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ ขอบคุณมากครับ
ขอขอบคุณที่มาจาก: Kreangsak Damrak